รูปถ่ายท่านท้าวมหาพรหมธาดา อาจารย์วิรัช ลุปซ่า วัดดอนยานนาวา กทม. หายากมาก

รูปพระเครื่อง
รูปพระเครื่อง
รูปพระเครื่อง

รายละเอียด

รูปถ่ายท่านท้าวมหาพรหมธาดา อาจารย์วิรัช ลุปซ่า วัดดอนยานนาวา กทม. หายากมาก
 ราคา (14,500 บาท)
..:: อธิบายเพิ่มเติม ::..

ปัจจุบันเริ่มหายาก เเละมีของเลียนเเบบออกมามาก
สำหรับประวัติของท่านโดยสังเขป
ตามนี้เลยครับสามเณรวิรัช ลุปซ่าร์ บ้านเดิมอยู่ย่านวัดดอน ยานนาวา มีปู่เป็นชาวเยอรมันชื่อเฟอร์โด ลุปซาร์เคยเป็นครูสอนเกษตรในไทยก่อนสงครามโลกครั้งที่ ๑ คุณย่าชื่อแช่ม สกุลเดิมคือศรีโยหะ บิดาชื่อวินิจ ลุปซาร์

สามเณรวิรัช ลุปซาร์ เกิดเมื่อปี ๒๔๙๐ เป็นลูกคนที่สี่ บวชเป็นเณรที่วัดดอน ยานนาวาตั้งแต่อายุ ๗ ขวบ ศึกษาวิชาไสยศาสตร์กับอาจารย์ที ชาวเขมรที่ศรีสะเกษจนสำเร็จ อาจารย์ทีสิ้นชีวิตเมื่ออายุ ๑๒๔ ปี ขณะนั้นสามเณรวิรัชอายุได้ ๑๒ ปี

เมื่อได้วิชาแล้วสามเณรวิรัช กลับมายังวัดดอนยานนาวาที่บวชอยู่และเผยแพร่วิชาไสยศาสตร์ที่ร่ำเรียนมา มีทั้งการลงเสือ ลงช้าง เสกเป่า เมื่อลงเสร็จแล้วก็ทดลองกันเดี๋ยวนั้นในโบสถ์วัดดอน จนมีชื่อเสียงกระฉ่อน แต่สามเณรวิรัชมีอายุที่ได้รับจากเบื้องบนเพียง ๑๙ ปี มรณะปี พ.ศ. ๒๕๐๙

ปี พ.ศ. ๒๕๐๘ ก่อนมรณะได้สร้างเหรียญจักรเพชรขึ้นและได้บรรจุวิชาสำคัญครบเครื่องตั้งแต่เมตตามหานิยม แคล้วคลาด จนถึงคงกระพันชาตรี เป็นเหรียญที่โด่งดังมาก

"ก่อนมรณะได้ ๒๕ วันก็สึกเป็นฆราวาสใช้ชีวิตสนุกสนานเป็นการอำลาโลก"

และก่อนมรณะภาพได้เชิญ"สมเด็จปู่พระพรหม"มาครอบวิชาให้กับ"คุณวินิจ ลุปซาร์"ผู้เป็นบิดา ส่วนอดีตเณรวิรัชถึงแก่มรณะด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์โดยที่เพื่อนๆที่ไปด้วยปลอดภัยทุกคน

วันที่ตั้งศพอยู่ที่วัดมกุฎกษัตริยารามวิญญาณได้มาเข้าทรงน้องสาวคือ..

"คุณนงลักษณ์ ลุปซาร์"

ประกาศว่าจะอยู่ใกล้ชิดกับศิษย์ทั้งหลายตลอดไปใครมีปัญหาเดือดร้อนอะไรให้เชิญมาได้โดยให้คุณนงลักษณ์เป็นร่างทรง

สำนักทรงชื่อว่า"สถานค้นคว้าสัจธรรมปุรุโษตตมะ" หลังบริษัทไมโครไฟเบอร์อุตสาหกรรมจำกัด กม.๗ ถนนลาดกระบังบางพลี ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ

สำหรับเรื่องราวหรือประสบการณ์ของอาจารย์เณรวิรัช เคยมีบันทึกของนักเรียนเก่าของโรงเรียนวัดสุทธิวราราม ชื่อคุณธวัช ได้เคยเขียนบันทึกไว้ให้นักเรียนรุ่นน้องได้อ่านเรื่องราวในยุคสมัยนั้น.....
"
การปลุกเสกเหรียญจักรเพชร มีพิธีที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แต่เป็นความยิ่งใหญ่แบบเงียบๆเฉพาะในหมู่ลูกศิษย์เท่านั้น พิธีนั้นถูกหนังสือพิมพ์ไทยรัฐโจมตีว่าเอาเดรัจฉานวิชาไปทำกันในโบสถ์วัด..

คนที่ได้พบกับประสบการณ์ชีวิตที่ไม่แน่ใจว่าคนฟังๆแล้วจะเชื่อหรือไม่ คือการทำพิธีในโบสถ์แต่ละคืนรวม 7 คืนหรือ 9 คืน จำไม่ได้แน่นอน แต่ละคืนลูกศิษย์ทุกคนต้องมายืนรับอาจารย์ของสามเณรวิรัชซึ่งได้เคยไปเรียนวิชากันในป่าตั้งแต่ไทย ลาว พม่า อินเดีย ช่วงที่สามเณรวิรัชธุดงค์ไปเพื่อเรียนรู้วิชาอาคม มีตั้งแต่อาจารย์ที่เป็นแขก จีน ฯลฯ

ส่วนใหญ่ทุกคนจะเป็นลักษณะนักบวชที่อยู่ในป่า เวลามาในงานปลุกเศก ก็ไม่มีใครไปรับ อยู่ๆก็เห็นเดินเข้ามา พอผ่านตัวจะรู้สึกเหมือนก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ผ่านตัวเราไป เย็นวูบเลย พอเสร็จพิธีเดินออกมาจากโบสถ์ผ่านพวกเราออกไปก็เย็นเหมือนเดิม แล้วก็เดินผ่านไปพอพ้นสายตาเรา ก็จะหายไป ดุจผู้วิเศษที่ล่องหนมา แล้วก็ไป ใครที่ไปจองเหรียญนี้ต้องมีเงินถึง 500 บาทในสมัยนั้น

ปรากฏว่าหลังจากปลุกเสกเสร็จ ท่านตั้งใจจะแจกเหรียญและก็ยังมีผ้ายันต์ด้วย แต่ยังไม่ทันแจก เกิดไฟไหม้ห้องสามเณร ของอย่างอื่นไหม้หมด ยกเว้นบริเวณที่เป็นโต๊ะหมู่ที่มีพระและของที่ปลุกเสก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ้ายันต์ซึ่งวางอยู่บนถาดใหญ่ ผ้ารองผ้ายันต์ที่ห้อยลงไปจากถาดเป็นรอยไหม้หมด แต่ผ้ายันต์ไม่เป็นอะไรเลย

ก่อนจะได้รับจากสามเณรวิรัช ก็ต้องมีพิธีลองของกัน โดยมีของมีคมอยู่ 8 หรือ 9 ชนิด มีตั้งแต่ดาบมีดสั้น เหล็กแหลม เก้าอี้ตะปูคม สารพัดศาตราวุธ ซึ่งคนที่เช่าจองทุกคนก่อนรับไปต้องเลือกเอาอย่างหนึ่งเพื่อลองความขลัง (เกือบทุกคน) ผ่านการทดลองไปได้ด้วยดี

แต่มีอยู่หนึ่งคนคือ"เด็กชายฉัตรชัย กันตถาวร" เลือกเหล็กแหลมยาวประมาณหนึ่งฟุต แล้วให้คนที่อยู่ในพิธีออกมาจับสองมือแทงเข้าที่สีข้าง ก่อนหน้าทุกคนก็ไม่มีปัญหา แต่พอถึงเจ้าฉัตร ปรากฎว่าเหล็กนั้นทิ่มเข้าไป เลือดทะลักเลย เดือดร้อนสามเณรวิรัชต้องมาทำคาถาเอาเทียนอุดให้ แป๊บเดียวหายเลย..

เชื่อหรือไม่เชื่อ ก็ลองไตร่ตรองเอาเอง บางคนเอาดาบที่ใหญ่ที่สุดฟันลงกลางหลัง เป็นแค่ที่เขาเรียกกันว่าเลือดออกยางบอนเป็นเส้นยาวกลางหลังเหมือนใครเอาตะปูมาขีดลงบนหลังเรา..."

"ตั้งแต่วันนั้นมาจนวันนี้พี่ยังห้อยคอด้วยเหรียญนี้อยู่บนคอ...."
..........................................
ข้อมูลอ้างอิง บันทึกของคุณธวัช อดีตนักเรียนโรงเรียนวัดสุทธิวราราม
ภาพประกอบ หยิบยืมจากเวป...

2017-01-30 11:43:46
4205 ครั้ง
เทพรังสิต
0918700968
0918700968